โรคอารมณ์แปรปรวน(Mood disorders) โรคซึมเศร้า(Major depressive disorder) โรคอารมณ์แปรปรวน เป็นภาวะผิดปกติทางอารมณ์ ผู้ป่วยจะมีอาการซึมเศร้าหดหู่อย่างรุนแรงเกินปกติ อาจมีอารมณ์ดีผิดปกติสลับกับอารมณ์ซึมเศร้าในบางครั้ง โรคนี้แบ่งออกได้หลายชนิด คือ 1. โรคซึมเศร้าหลัก หรือเรียกสั้นๆ ว่า โรคซึมเศร้า เป็นโรคที่พบได้บ่อย และมีความรุนแรงกว่าชนิดอื่น 2. โรคซึมเศร้าชนิดอ่อน เป็นภาวะซึมเศร้าที่มีอาการเรื้อรังอย่างน้อย 2 ปี แต่ไม่รุนแรง ผู้ป่วยมีศักยภาพลดลงแต่สามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ พบได้ในเด็กโตหรือเด็กวัยรุ่น ให้การรักษาด้วยยาแก้ซึมเศร้า ในเวลาต่อมาอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าหลักในบางราย 3. โรคอารมณ์สองขั้ว เป็นอาการความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ มักพบในช่วงอายุ 15-24 ปีเป็นครั้งแรก ผู้ป่วยจะมีอาการฟุ้งพล่านสลับกับซึมเศร้า มีอาการเรื้อรังเป็นๆ หายๆ เมื่อเกิดอาการฟุ้งพล่านผู้ป่วยจะมีอารมณ์ดี ครื้นเครง ความคิดแล่นเร็ว มีความเชื่อมั่นในตนเองสูงหรือหลงตัวเอง พูดมาก หงุดหงิดง่าย ทำกิจกรรมมากกว่าปกติ นอนน้อย ให้การรักษาเพื่อควบคุมอาการด้วยยาลิเทียม(lithium) 4. ภาวะซึมเศร้าที่เกิดจากโรคทางกาย โรคทางกายอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย เช่น เอดส์ เอสแอลดี พาร์กินสัน โรคแอดดิสัน โรคคุชชิง ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากหรือน้อยเกินไป ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นต้น อาจเกิดภาวะซึมเศร้าเกิดขึ้นชั่วคราวได้ในหญิงหลังคลอดบางราย 5.
ในบางครั้งอาจเกิดจากโรคทางกาย แอลกอฮอล์ ยา สารเสพติด ความเครียด หรือปัญหาชีวิต หรือเป็นอาการของโรคอารมณ์สองขั้ว หรือโรคซึมเศร้าชนิดอ่อน ซึ่งไม่ใช่โรคนี้ จึงควรซักประวัติและตรวจดูอาการอย่างละเอียดเพื่อแยกแยะหาสาเหตุที่แท้จริงในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า หดหู่ หรือรู้สึกเบื่อหน่าย ในบางรายอาจพบโรคนี้ร่วมกับโรคกังวลซึ่งมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป ส่วนโรคซึมเศร้าจะวินิจฉัยเมื่อมีอาการครบถ้วนตามเกณฑ์เท่านั้น 2.
โรคนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองทำให้สมองบางส่วนทำหน้าที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นการถ่ายทอดมาทางกรรมพันธุ์ ผู้ป่วยอาจมีอาการกำเริบขึ้นมาได้โดยไม่ต้องมีปัญหาด้านจิตใจและสังคมเป็นเหตุกระตุ้น จึงควรอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจและยอมรับถึงธรรมชาติของโรคนี้ ให้การรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ควบคุมอาการและดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข 4. ญาติและคนใกล้ชิดควรให้กำลังใจดูแลช่วยเหลือเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากพบอาการที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายหรือรุนแรงอื่นๆ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันทีและหาทางป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยคิดฆ่าตัวตายอีก 5. ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามักมาปรึกษาแพทย์ด้วยอาการไม่สบายทางกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดเมื่อยตามร่างกายเรื้อรัง อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย ผอมลง เป็นต้น ควรซักถามอาการของโรคซึมเศร้าอย่างละเอียดหากให้ยารักษาตามอาการแล้วไม่ดีขึ้น เพื่อจะได้วินิจฉัยและรักษาให้ตรงกับสาเหตุของโรคที่เกิดขึ้น
5-5% ของประชาชนทั่วไป ซึ่งอัตราการเกิดโรคครั้งแรกพบบ่อยที่สุดที่ช่วงอายุ 15-19 ปี และรองลงมา คือ อายุ 20-24 ปี โดยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยจะมีอาการครั้งแรกก่อนอายุ 20 ปี โรคนี้ถือเป็นโรคที่มีการดำเนินโรคในระยะยาวเรื้อรัง และเป็นโรคที่มีโอกาสกลับเป็นซ้ำได้สูงประมาณ 70-90% ปัจจัยเสี่ยงมี 4 ข้อ หลักๆ คือ 1. มีญาติพี่น้องป่วยหรือเคยเป็นโรคไบโพลาร์ 2. คนที่มีความเครียดสูง 3. คนที่ติดยาหรือใช้สารเสพติด และ 4.